เสื้อบอล ทำไมแพง ? วิเคราะห์เสื้อธรรมดาที่ราคาไม่ธรรมดาเพราะมีคุณค่าทางใจ
เสื้อบอล ที่บางคนมองว่าคือเสื้อกีฬาประเภทหนึ่ง บางคนใช้ใส่เที่ยว ใส่อยู่บ้าน ใส่เล่นกีฬา และใส่ในโอกาสตามต้องการ
แต่ในมุมของแฟนคลับสโมสรฟุตบอล และผู้ที่หลงใหลในเกมกีฬาฟุตบอล เสื้อบอลมีคุณค่ามากกว่านั้น เพราะนอกจากจะใส่เพื่อแสดงจุดยืนความชอบในเกมกีฬา
เสื้อบอลก็เป็นเหมือนของสะสมประเภทหนึ่ง ที่มีความหมาย และมีคุณค่าทางจิตใจ ของแฟนฟุตบอล
ส่วนราคา และรูปแบบการสะสม หรือซื้อเพื่อใส่ขึ้นอยู่กับความชอบ และความลึกในการสะสมของนักสะสมแต่ละคน
วีรพล ยุทธสุภากร นักสะสมเสื้อฟุตบอลตั้งแต่ปี 2002 ให้ข้อมูลกับเราว่าในวงการเสื้อบอลมีการเก็บสะสมหลายรูปแบบ โดยหลัก ๆ ประกอบด้วย
1. Match Worn
เสื้อบอล Match Worn ถือเป็นเสื้อที่มีมูลค่าสูงสุดในวงการนักสะสมฟุตบอล เพราะเป็นเสื้อที่นักเตะใช้ใส่ในการแข่งขัน ที่ถอดให้หลังจากจบแมตช์การแข่งขันนั้น ๆ ทำให้จำนวนเสื้อที่มีอยู่ในท้องตลาดต่อนักเตะหนึ่งคนในแต่ละปีขึ้นอยู่กับจำนวนการแข่งขันในแต่ละปี
ซึ่งราคาของเสื้อกลุ่มนี้มีราคาหลักหมื่น ถึงหลักแสน ขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของนักบอล ประวัติการแข่งขันในแต่ละแมตช์ที่นักเตะถอดเสื้อให้ จำนวนย้อนหลังของเสื้อในแต่ละรุ่น และหลักฐานการครอบครองเสื้อ เช่น ภาพถ่ายในช่วงเวลาที่นักเตะมอบเสื้อให้ ภาพถ่ายที่ได้รับมอบเสื้อจากการประมูลเสื้อของนักเตะเพื่อการกุศลจากองค์กรใหญ่ที่มีชื่อเสียง ที่ยืนยันความแท้ของเสื้อที่ถูกถอดออกจากตัวนักเตะจริง ๆ
2. Authentic
เสื้อบอลเกรดนี้จะเป็นเสื้อที่ผลิตขึ้นมาสำหรับแฟนบอล ที่จัดจำหน่ายโดยสโมสรของทีมฟุตบอล ที่มีราคาจำหน่ายที่แพงกว่าเสื้อ Stadium เนื่องจากเสื้อรุ่นนี้จะมีความเหมือนเสื้อที่นักเตะใช้ในการแข่งขันเกือบทุกประการ ทั้งเนื้อผ้า เทคโนโลยีการตัดเย็บ แต่อาจจะต่างกันตรงที่เสื้อที่นักเตะใช้เตะแข่งขันอาจจะตัดให้เข้ากับตัวนักเตะในแต่ละคน และใช้ป้ายกำกับไซส์เป็นตัวเลข เช่น ไซส์ 4, 6, 8 เป็นต้น
ส่วนเสื้อ Authentic จะเป็นเสื้อที่มีทรงเป็นมาตรฐานเดียวกันและใช้ขนาดเสื้อ S, M, L, XL กำกับขนาดเสื้อแทน
3. Stadium
เสื้อ Stadium หรือเสื้อแฟนบอลนิยมใส่กันมากที่สุด เนื่องจากเป็นเสื้อที่มีราคาไม่สูงมากนักเมื่อเทียบกับเสื้อรุ่นอื่น ๆ ในประเทศไทยเสื้อในกลุ่มนี้จะอยู่ในระดับราคา 2-3 พันบาท และสามารถหาซื้อได้ทั่วไปตามร้านขายเสื้อฟุตบอลที่ถูกลิขสิทธิ์ และแบรนด์เสื้อบอลของแต่ละทีมสโมสร
วีรพลเล่าให้เราฟังเพิ่มเติมว่าการสะสมเสื้อบอล นอกจากสะสมตามฤดูกาลแข่งขันแล้ว เมื่อการแข่งขันหมดฤดูกาลลง เสื้อที่ใช้ในฤดูกาลที่ผ่านมา ถูกจัดเป็นเสื้อมือสองทันที
เสื้อมือสองของวงการนักสะสมเสื้อบอลจะประกอบด้วย 2 รูปแบบคือ
1. เสื้อมือสองป้ายห้อย
เป็นเสื้อใหม่ที่นักสะสมซื้อมาเก็บไว้ก่อนที่เสื้อรุ่นนั้นจะไม่มีจำหน่ายอย่างเป็นทางการ โดยเสื้อมือสองป้ายห้อย จะเป็นเสื้อที่มีราคาสูงสุด
โดยราคาของเสื้อในแต่ละตัวจะขึ้นลงตาม
– ความโด่งดังของสโมสรในช่วงเวลานั้น ถ้าเป็นฤดูกาลที่สโมสรได้แชมป์ เสื้อรุ่นนี้จะมีราคาสูงขึ้นเป็นพิเศษในช่วงจบฤดูกาลใหม่ ๆ และแฟนคลับหาซื้อเสื้อนั้นได้ เนื่องจากแฟนคลับมีความต้องการมากเป็นพิเศษ และราคานี้จะถูกลดหลั่นลงไปเมื่อมีฤดูกาลแข่งขันใหม่เข้ามา
– การลดราคาของร้านจำหน่ายเพื่อผลักดันเสื้อฤดูกาลเก่าออกจากเชลฟ์ให้เร็วที่สุด เพื่อนำเสื้อในฤดูกาลหน้าเข้ามาจำหน่ายแทน ซึ่งถ้าหน้าร้านมีการลดราคาเสื้อไปอยู่ในราคาต่ำ การซื้อเสื้อรุ่นนั้นเพื่อมาสะสมต่อจะมีราคาที่ไม่สูงมากด้วยเช่นกัน
– เสื้อบอลที่มีชุดแต่งของเสื้อ เช่น เสื้อที่ติดเลขหมายและชื่อของนักเตะ โดยในเอเชียราคาของเสื้อประเภทนี้จะขึ้นอยู่กับชื่อเสียงของนักเตะ จำนวนตัวเลขและความความยาวของชื่อนักเตะ
2. เสื้อมือสองที่มีการใส่มาแล้ว
เสื้อกลุ่มนี้ราคาของเสื้อจะขึ้นอยู่กับสภาพของเสื้อ ชุดแต่งของเสื้อ และความนิยมของเสื้อ ทั้งทีมสโมสร ผู้เตะ และความสำเร็จของการแข่งขันในฤดูกาลของเสื้อรุ่นนั้น หรือแม้แต่ความแปลกของเสื้อทั้งด้านดีไซน์และอื่น ๆ ที่ดูโดดเด่น สวยงามกว่าฤดูกาลอื่น ๆ
นอกจากนี้ ราคาของเสื้อยังขึ้นอยู่กับความยาวนานของฤดูกาลการแข่งขัน เช่น เสื้อการแข่งขันในยุค 80-90 จะมีราคาแพงมากกว่าเสื้อในยุค 2000 เนื่องจากเป็นเสื้อที่มีมาแล้วกว่า 40 ปี ซึ่งเป็นยุคที่สโมสรต่าง ๆ ยังผลิตเสื้อออกมาจำหน่ายอย่างจำกัด เช่น เสื้อฮอลแลนด์ในปี 1988 ที่มีความสวยด้านดีไซน์ และเป็นช่วงเวลาที่ฮอลแลนด์รุ่งเรืองสูงสุด เป็นต้น
ซึ่งต่างจากในยุคปัจจุบันที่เสื้อบอลมีการผลิตออกมาจำนวนมาก เพราะสโมสรมองว่าเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่จะสร้างรายได้หลักให้กับสโมสร
ทั้งนี้เพราะเสื้อบอลไม่ได้เป็นเสื้อกีฬา แต่มีความหมายทางจิตใจมากกว่านั้น ขึ้นอยู่กับความชอบของแต่ละคนที่อาจจะไม่เหมือนกัน